Risk Reward ratio คืออะไร ในตลาด forex มีประโยชน์อย่างไร วิธีดู RRR กี่ RRR ดี

Risk Reward ratio คืออะไร

Risk Reward ratio คืออะไร ในตลาด forex มีประโยชน์อย่างไร
Risk Reward ratio คืออะไร ในตลาด forex มีประโยชน์อย่างไร

RRR หรือ Risk Reward Ratio คือสัดส่วนที่เปรียบเทียบระหว่าง “ความเสี่ยง” หรือจำนวนเงินที่คุณต้องสูญเสีย เทียบกับ “จำนวนเงินที่คาดหวังที่จะได้รับ” ในการลงทุนหรือเทรดหุ้นหรือตลาดทางการเงิน อัตราส่วนนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจว่าควรที่จะเสี่ยงเงินเพิ่มเพื่อทำกำไรหรือไม่ในแต่ละครั้งที่ลงทุน โดยส่วนประกอบของ RRR คือ:

  • Risk (ความเสี่ยง): คือจำนวนเงินที่คุณพร้อมจะสูญเสียหรือเสี่ยงในการลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นอัตราการตั้ง Stop Loss เพื่อระบุระดับราคาที่คุณจะขาดทุนและขายออกจากตลาดหากตลาดเคลื่อนไปในทิศทางที่ไม่พอดีกับคาดหวังของคุณ.
  • Reward (ผลตอบแทน): คือจำนวนเงินที่คุณคาดหวังที่จะได้รับจากการลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นอัตราการตั้ง Take Profit เพื่อระบุระดับราคาที่คุณจะนำกำไรมาด้วยเมื่อตลาดเคลื่อนไปในทิศทางที่คุณต้องการ.
  • Ratio (อัตราส่วน): คือผลลัพธ์จากการนำความเสี่ยง (Risk) และผลตอบแทน (Reward) มาหารกัน อัตราส่วนนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าการลงทุนหรือเทรดนั้นคุ้มค่าหรือไม่ หาก RRR มีค่าสูงกว่า 1, แสดงว่าการลงทุนนั้นคาดหวังที่จะได้รับผลตอบแทนมากกว่าความเสี่ยง และหาก RRR มีค่าต่ำกว่า 1, แสดงว่าความเสี่ยงมากกว่าผลตอบแทนที่คาดหวัง.

ตลาด Forex (Foreign Exchange Market) หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อัตราส่วนความเสี่ยง Risk Reward ratio (RRR) เป็นสัดส่วนที่ใช้ในการวิเคราะห์และบริหารความเสี่ยงในการเทรดคู่เงินต่าง ๆ ในตลาด Forex เพื่อตัดสินใจเมื่อจะเข้าลงทุนหรือทำการเทรด รวมถึงการจัดการการสั่งซื้อและการบริหารการเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนของคุณให้มีประสิทธิภาพ

Risk Reward ratio มีประโยชน์อย่างไร

RRR เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการบริหารความเสี่ยง วางแผนการเทรด วัดผลกลยุทธ์ และทำให้การเทรดและการลงทุนของคุณมีประสิทธิภาพและมั่นคงมากขึ้นในตลาดการเงิน ที่มีการเทรดและลงทุนด้วยความเสี่ยง โดย Risk Reward Ratio (RRR) มีประโยชน์มากในการเทรดและการลงทุนดังนี้

  1. เห็นภาพรวมของกลยุทธ์: RRR ช่วยให้คุณมีภาพรวมของกลยุทธ์ที่คุณใช้ในการเทรด หากคุณมีโอกาสชนะ 50% แต่ RRR ต่ำกว่า 1, นั่นหมายความว่า แม้ว่าคุณจะชนะในราคาที่ถูกต้อง 50% ของเทรด แต่เมื่อคุณเสี่ยงในแต่ละครั้ง คุณอาจสูญเสียเงินมากกว่าที่คุณทำกำไรได้ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้กลยุทธ์ไม่คุ้มค่าและควรถูกปรับปรุง.
  2. เทรดได้อย่างเป็นระบบวัดผลกลยุทธ์: การใช้ RRR ที่สมเหตุสมผลช่วยให้คุณสร้างระบบเทรดที่มีประสิทธิภาพ หากคุณมี RRR สูงกว่า 1 และโอกาสชนะมากกว่า 50%, คุณสามารถตั้ง Stop Loss และ Take Profit ในตำแหน่งที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของคุณ ซึ่งช่วยให้คุณมีการควบคุมความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร.
  3. บริหารความเสี่ยง: RRR ช่วยให้คุณกำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับในการเทรด และช่วยควบคุมความเสี่ยงในการลงทุนของคุณ โดยการกำหนดว่าคุณพร้อมจะสูญเสียเงินเท่าไหร่ในแต่ละครั้ง ซึ่งช่วยป้องกันความสูญเสียที่ไม่คาดคิดและรักษาความมั่นคงในการเงินของคุณ.
  4. วางแผนการเทรด: RRR ช่วยให้คุณวางแผนการเทรดอย่างมีระบบ โดยการกำหนดระดับ Stop Loss และ Take Profit ตามอัตราส่วนที่คุณต้องการ นี่เป็นวิธีการควบคุมการเข้าและออกจากตลาดอย่างมีความสมดุลและช่วยลดความไม่แน่ใจในการตัดสินใจ.
  5. วัดผลกลยุทธ์: RRR ช่วยให้คุณวัดผลกลยุทธ์ของคุณได้อย่างชัดเจน คุณสามารถตรวจสอบว่ากลยุทธ์ของคุณมีประสิทธิภาพหรือไม่ และปรับปรุงกลยุทธ์ตามผลการเทรดและความเสี่ยง.
  6. การตัดสินใจที่มั่นคง: การใช้ RRR ช่วยให้คุณตัดสินใจเมื่อจะเข้าและออกจากตลาดอย่างมั่นคง คุณสามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสทำกำไรในแต่ละครั้งก่อนที่จะตัดสินใจ.
  7. สร้างระบบเทรด: RRR ช่วยในการสร้างระบบเทรดที่มีความสมดุล ช่วยให้คุณควบคุมความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว.และเพิ่มการมั่นคงการใช้ RRR ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน และช่วยคุณรักษาความมั่นคงในการเงิน ทำให้คุณไม่ได้สูญเสียเงินมากเมื่อตลาดเคลื่อนไปที่ไม่พอดีกับคาดหวังของคุณ.

Risk Reward Ratio คำนวณอย่างไร

คำนวณ Risk Reward Ratio (RRR) นั้นเป็นเรื่องง่ายๆ โดยใช้สูตรต่อไปนี้:

RRR = (ราคา Take Profit – ราคา Entry) / (ราคา Entry – ราคา Stop Loss)

ในสูตรนี้:

  • ราคา Take Profit: คือราคาที่คุณตั้งเป็นเป้าหมายในการกำไร หรือราคาที่คุณคาดหวังที่จะขายออกหากตลาดเคลื่อนไปในทิศทางที่คุณต้องการ.
  • ราคา Entry: คือราคาที่คุณเข้าทำการเทรด หรือราคาที่คุณซื้อหรือขายอินสตรูเมนต์ (สินทรัพย์) นั้น.
  • ราคา Stop Loss: คือราคาที่คุณตั้งเพื่อความคุ้มครอง หรือราคาที่คุณพร้อมจะขาดทุนและออกจากตลาดหากตลาดเคลื่อนไปในทิศทางที่ไม่พอดีกับคาดหวังของคุณ.

หลังจากนี้คุณสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในสูตรเพื่อคำนวณ RRR ของคุณ โดยหารผลตอบแทนที่คาดหวัง (ราคา Take Profit – ราคา Entry) ด้วยความเสี่ยง (ราคา Entry – ราคา Stop Loss) ที่คุณพร้อมจะรับ. ตัวเลขที่ได้จากการคำนวณนี้จะแสดงอัตราส่วนระหว่างความเสี่ยงและรางวัลในการเทรดของคุณ เช่น 1:2, 1:3, 1:4, และอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณปรับแต่งกลยุทธ์และจัดการความเสี่ยงอย่างมีระบบในการเทรดหรือการลงทุนของคุณ.

ตัวอย่างการคำนวณ Risk Reward Ratio

Risk Reward Ratio (RRR) คือ อัตราส่วนระหว่างระยะทำกำไรและระยะขาดทุนในการเทรดหรือการลงทุน การคำนวณ RRR ใช้สูตรตามที่คุณได้ระบุ:

RRR = (ราคา Take Profit – ราคา Entry) / (ราคา Entry – ราคา Stop Loss)

ตัวอย่างที่ 1:

  • Entry Price (ราคาจุดที่เข้า): 30,000 บาท
  • Take Profit Price (ราคาที่ Take Profit): 40,000 บาท
  • Stop Loss Price (ราคาที่ Stop Loss): 20,000 บาท

RRR = (40,000 – 30,000) / (30,000 – 20,000) = 10,000 / 10,000 = 1

ในกรณีนี้ RRR เท่ากับ 1:1 หรือ 1

ตัวอย่างที่ 2:

  • Entry Price (ราคาจุดที่เข้า): 30,000 บาท
  • Take Profit Price (ราคาที่ Take Profit): 40,000 บาท
  • Stop Loss Price (ราคาที่ Stop Loss): 10,000 บาท

RRR = (40,000 – 30,000) / (30,000 – 10,000) = 10,000 / 20,000 = 0.5

ในกรณีนี้ RRR เท่ากับ 0.5:1 หรือ 0.5

ค่า RRR ที่ได้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าการลงทุนหรือการเทรดนั้นคุ้มค่าหรือไม่ ถ้า RRR เป็น 1 หรือสูงกว่า คุณมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนมากกว่าความเสี่ยงที่คุณรับ แต่ถ้า RRR ต่ำกว่า 1 ความเสี่ยงจะมากกว่าผลตอบแทนที่คาดหวังและอาจไม่คุ้มค่าในการลงทุนหรือเทรดนั้นเอง.

วิธีดู RRR กี่ RRR ดี

ความเหมาะสมของ Risk Reward Ratio (RRR) ที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสไตล์การเทรดของคุณ เราไม่สามารถกำหนด RRR ที่เหมาะสมให้กับทุกคนได้เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อการกำหนด RRR ดังนี้:

  1. ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับ: ความเสี่ยงที่คุณพร้อมยอมรับในการเทรดมีความแตกต่างกันระหว่างบุคคล ใครบางคนอาจยอมรับความเสี่ยงที่สูงกว่าใครบางคนอย่างสูงสุด การเลือก RRR ควรมองในแง่ของสไตล์การเทรดของคุณ ถ้าคุณเป็น Scalper ที่ทำกำไรจากการเทรดในระยะสั้น คุณอาจต้องใช้ RRR ที่ต่ำกว่า 1 เพราะคุณกำลังมุ่งหวังให้กำไรเล็ก ๆ แต่ถ้าคุณเป็น Swing Trader หรือ Position Trader ที่รอราคาเคลื่อนไปในระยะยาว คุณอาจกำหนด RRR ที่สูงกว่า 1 เพื่อคาดหวังกำไรมากกว่าความเสี่ยง.
  2. สไตล์การเทรด: รูปแบบการเทรดของคุณมีบทบาทในการกำหนด RRR ที่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น นักเทรดที่ทำ Scalping หรือ Day Trading อาจกำหนด RRR ที่ต่ำกว่า 1 เพราะพวกเขามุ่งหวังกำไรระยะสั้น ในขณะที่ Swing Trader หรือ Position Trader อาจกำหนด RRR ที่สูงกว่า 1 เนื่องจากพวกเขามุ่งหวังกำไรระยะยาว.
  3. ความสามารถในการพิจารณา: ความสามารถในการวิเคราะห์ตลาดและการตัดสินใจเทรดมีบทบาทในการกำหนด RRR ที่เหมาะสม นักเทรดที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่าอาจจะสามารถกำหนด RRR ที่สูงกว่าได้ เนื่องจากพวกเขามีความมั่นคงในการวิเคราะห์และตัดสินใจ.
  4. ความเชื่อของคุณในกลยุทธ์: ความเชื่อในกลยุทธ์ของคุณมีผลต่อการกำหนด RRR ด้วย หากคุณมีความเชื่อแน่นอนในกลยุทธ์ของคุณและมีข้อมูลทางประวัติที่รองรับ คุณอาจกำหนด RRR ที่สูงกว่าได้.ควรพิจารณาว่ากลยุทธ์ของคุณมีประสิทธิภาพในการให้กำไรมากกว่าความเสี่ยงหรือไม่ ถ้ากลยุทธ์ของคุณมีโอกาสชนะสูงกว่าความเสี่ยง คุณอาจกำหนด RRR ที่สูงกว่า 1 แต่หากกลยุทธ์มีโอกาสชนะต่ำกว่าความเสี่ยง คุณควรใช้ RRR ที่ต่ำกว่า 1.
  5. สถานการณ์ตลาด: สถานการณ์ในตลาดในขณะที่คุณเทรดอาจมีผลในการกำหนด RRR ในบางครั้ง ถ้าตลาดมีความเสี่ยงสูง คุณอาจต้องกำหนด RRR ที่สูงกว่าเพื่อความปลอดภัย.