Rate of Change Indicator คืออะไร ความเป็นมา ข้อมูลสูตร การวิเคราะห์ ROC indicator

Rate of Change Indicator คืออะไร ความเป็นมา ข้อมูลสูตร การวิเคราะห์ ROC indicator
Rate of Change Indicator คืออะไร ความเป็นมา ข้อมูลสูตร การวิเคราะห์ ROC indicator

Rate of Change Indicator คืออะไร

ROC หรือ Rate-of-Change Indicator คือเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้วัดอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาในการศึกษาแนวโน้มของตลาดและช่วยให้นักลงทุนและนักเทรดตัดสินใจในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อย่างมีเหตุผลแบบเชิงเทคนิคได้ดีขึ้น ตัวชี้วัด ROC จะคำนวณอัตราเปลี่ยนแปลงราคาระหว่างสองจุดในช่วงเวลาที่กำหนด และแสดงผลลัพธ์เป็นเปอร์เซ็นต์หรืออัตราส่วนของการเปลี่ยนแปลงนั้นในเวลาที่กำหนด.

ROC Indicator มีความสามารถในการแสดงโมเมนตัมอย่างตรงไปตรงมา และมักนำมาใช้ในการวิเคราะห์ตลาดที่มีแนวโน้มแนวตั้งหรือแนวราบ (Sideway) โดย ROC มีความง่ายในการใช้งาน และมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนและนักเทรดสามารถดำเนินกิจกรรมซื้อขายอย่างมีความมั่นใจในการตัดสินใจของพวกเขา.

ความเป็นมาของ Rate of Change Indicator

Rate of Change Indicator (ROC) หรือตัวชี้วัดอัตราการเปลี่ยนแปลง เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 โดยเป็นผลงานของเทรดเดอร์และนักวิเคราะห์เทคนิคชื่อดังชื่อ “J. Welles Wilder” ผู้เคยเผยแพร่อย่างกว้างขวางในหนังสือ “New Concepts in Technical Trading Systems” ในปี 1978. เขาเป็นนักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ชื่อดังในวงการการลงทุนและการซื้อขายทางการเงิน ท่ามกลางปี 1970s และ 1980s เขาเป็นผู้พัฒนาตัวชี้วัดทางเทคนิคที่มีชื่อเสียงและได้รับความยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการการลงทุน สร้างแนวคิดและเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการซื้อขาย.

ROC Indicator ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาและความแรงของตลาด โดยคำนวณร้อยละของการเปลี่ยนแปลงราคาในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ค่า ROC ที่คำนวณออกมาจะบ่งบอกถึงปริมาณการเปลี่ยนแปลงราคาในระยะเวลานั้น ซึ่งช่วยให้นักลงทุนและนักเทรดสามารถใช้ข้อมูลเชิงเทคนิคเพื่อตัดสินใจในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ. ROC Indicator มีความสามารถในการช่วยในการจำแนกแนวโน้มและการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในตลาด และมักถูกใช้เป็นเครื่องมือประจำในการวิเคราะห์เทคนิค โดยนักวิเคราะห์เทคนิคจะนำ ROC มาใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจการลงทุนหรือการซื้อขาย.

สูตรการคำนวณ Rate of Change Indicator

Rate of Change Indicator (ROC) คำนวณอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาโดยใช้สูตรต่อไปนี้:

ROC = [(ราคาปัจจุบัน – ราคาในระยะเวลาที่กำหนดมาก่อน) / ราคาในระยะเวลาที่กำหนดมาก่อน] x 100

ในสูตรนี้:

  • ราคาปัจจุบัน (Current Price) คือราคาหรือมูลค่าปัจจุบันของสินทรัพย์ที่คุณกำลังวิเคราะห์.
  • ราคาในระยะเวลาที่กำหนดมาก่อน (Price n periods ago) คือราคาหรือมูลค่าของสินทรัพย์ในระยะเวลาที่กำหนดมาก่อนหน้าที่คุณกำลังพิจารณา ซึ่งระยะเวลานี้อาจจะเป็นวันที่หรือช่วงเวลาอื่น ๆ ที่คุณต้องการใช้ในการคำนวณ ROC.
  • ค่า ROC ที่คำนวณออกมาจะเป็นค่าเปอร์เซ็นต์ที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงราคาในระยะเวลาที่กำหนด การใส่ x 100 ทำให้ผลลัพธ์เป็นร้อยละ.

เมื่อคำนวณ ROC แล้ว ค่าที่ได้จะช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาและความแรงของตลาด และสามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจการซื้อขายหรือการลงทุนในตลาดการเงินและตลาดอื่น ๆ ในการวิเคราะห์เทคนิค.

การวิเคราะห์ Rate of Change Indicator

การวิเคราะห์ Rate of Change Indicator (ROC) เป็นขั้นตอนที่ช่วยให้นักลงทุนและนักเทรดทำการตัดสินใจในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในตลาดการเงิน การวิเคราะห์ ROC มุ่งเน้นการดูความเปลี่ยนแปลงของราคาในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งอาจช่วยในการจับจังหวะที่เหมาะสมในการทำการซื้อขายหรือการลงทุน นี่คือขั้นตอนการวิเคราะห์ ROC Indicator:

  1. กำหนดระยะเวลา (Period): คำนวณ ROC ควรกำหนดระยะเวลาที่ต้องการใช้ในการวิเคราะห์ เช่น 21 วัน, 50 วัน, หรือ 100 วัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และรูปแบบการซื้อขายของคุณ ระยะเวลายาวขึ้นจะช่วยในการดูแนวโน้มราคาในระยะยาว และระยะเวลาสั้นขึ้นจะช่วยในการดูแนวโน้มราคาในระยะสั้น ๆ.
  2. คำนวณ ROC: ใช้สูตร ROC คำนวณค่า ROC สำหรับแต่ละวันหรือระยะเวลาที่กำหนด สูตรคือ [(ราคาปัจจุบัน – ราคาในระยะเวลาที่กำหนดมาก่อน) / ราคาในระยะเวลาที่กำหนดมาก่อน] x 100.
  3. วิเคราะห์ค่า ROC: ค่า ROC ที่ได้จะเป็นเปอร์เซ็นต์แสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาในระยะเวลาที่กำหนด ถ้า ROC เป็นบวก แสดงว่าราคาเพิ่มขึ้น และถ้า ROC เป็นลบ แสดงว่าราคาลดลง นอกจากนี้ ค่า ROC ที่มากกว่าศูนย์แสดงให้เห็นว่าราคามีการเปลี่ยนแปลงบวกขึ้นมากขึ้น และค่า ROC ที่น้อยกว่าศูนย์แสดงให้เห็นว่าราคามีการเปลี่ยนแปลงลบลงมากขึ้น การดูค่า ROC ในช่วงเวลาต่าง ๆ จะช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มของราคาและความแรงของตลาด.
  4. ใช้ ROC เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจ: ค่า ROC สามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ โดยเมื่อ ROC ตรงกับยุทธวิธีการซื้อขายของคุณหรือแสดงสัญญาณที่คุณต้องการ คุณสามารถดำเนินการตามสัญญาณนั้นต่อได้.
  5. ร่วมใช้ ROC กับตัวชี้วัดและข้อมูลอื่น: ในการวิเคราะห์ ROC ควรร่วมใช้ร่วมกับตัวชี้วัดและข้อมูลอื่น ๆ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ครอบคลุมของตลาด ตัวชี้วัดอื่น ๆ เช่น Moving Averages, Support and Resistance Levels, หรือการวิเคราะห์แท่งเทียน (Candlestick Patterns) สามารถเสริมความเข้าใจและสนับสนุนการตัดสินใจการซื้อขาย.
  6. ตรวจสอบข่าวสารและเหตุการณ์: การตรวจสอบข้อมูลเศรษฐกิจและข่าวสารที่อาจมีผลต่อตลาด เช่น ข่าวสารเศรษฐกิจ, การประชุมของธนาคารกลาง, หรือเหตุการณ์ทางโลก เป็นส่วนสำคัญในการวิเคราะห์ ROC และการตัดสินใจการซื้อขาย เนื่องจาก ROC ไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์นี้ได้.

การวิเคราะห์แนวโน้มของ Rate of Change Indicator

Rate-of-Change หรือ ROC Indicator เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดโมเมนตัมของราคาในตลาดทางการเงิน โดย ROC ดูจากเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาตามระยะเวลาที่กำหนด การวิเคราะห์ ROC สามารถช่วยให้นักลงทุนและนักเทรดสามารถทำการตัดสินใจในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ได้อย่างมีเหตุผล.

เริ่มต้นด้วยการกำหนดระยะเวลาหรือค่า Period สำหรับ ROC ซึ่งมีผลต่อการดูแนวโน้มของราคา:

  • ถ้าค่า Period ยาว (เช่น 250 วัน) จะช่วยในการดูแนวโน้มระยะยาวของราคา แสดงการเปรียบเทียบกับปีเท่านั้น
  • ถ้าค่า Period กลาง (เช่น 125 วัน) จะแสดงแนวโน้มครึ่งปี
  • ถ้าค่า Period สั้น (เช่น 21 วัน) จะแสดงแนวโน้มระยะสั้น ๆ เปรียบเทียบกับเดือน

การตั้งค่าระดับ Overbought และ Oversold บน ROC สามารถแปรผันตามความเปรียบเทียบของราคาในระยะเวลาที่กำหนด:

  • ในแนวโน้มขาลง: ดู Overbought ในรอบการฟื้นตัวเพื่อหาจังหวะขาย (Short)
  • ในแนวโน้มขาขึ้น: ดู Oversold ในรอบการย่อตัวเพื่อหาจังหวะซื้อ (Long)
  • ในแนวโน้ม Sideway: ดูทั้ง Overbought และ Oversold เพื่อจับจังหวะ Trading เล่นรอบ

เมื่อใช้ ROC เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์การซื้อขาย ควรพิจารณาร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ และข้อมูลเศรษฐกิจและข่าวสารที่อาจมีผลต่อตลาด เพื่อทำการตัดสินใจในการลงทุนและการซื้อขายอย่างมีสติสมาชิกและคำนึงถึงการจัดการความเสี่ยงในการลงทุน.

การใช้งาน Rate of Change Indicator ใน MT4

การใช้งาน Rate of Change (ROC) Indicator ในแพลตฟอร์มการซื้อขาย MT4 (MetaTrader 4) เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้:

  1. เปิดแพลตฟอร์ม MT4: เริ่มต้นโดยการเปิดโปรแกรม MT4 บนคอมพิวเตอร์ของคุณและเข้าสู่บัญชีการซื้อขายของคุณ.
  2. เลือกสัญญาซื้อขาย: เลือกสัญญาซื้อขายที่คุณต้องการที่จะทำการวิเคราะห์โดยคลิกที่ชื่อสัญญาซื้อขายในหน้าต่าง “Market Watch” ทางซ้ายของหน้าจอ.
  3. เปิดตัวชี้วัด Rate of Change: ในตัวช่องกราฟแสดงราคาสัญญาซื้อขาย, คลิกขวาบนกราฟและเลือก “Insert Indicator” จากนั้นเลือก “Oscillators” และคลิกที่ “Rate of Change” จากนั้นคุณจะเห็นหน้าต่างการตั้งค่าสำหรับ ROC.
  4. ตั้งค่า Rate of Change Indicator: ในหน้าต่างการตั้งค่า ROC Indicator, คุณสามารถปรับแต่งตัวชี้วัดตามความต้องการของคุณได้ รายการคำสั่งที่สำคัญประกอบด้วย:
    • “Period”: คือระยะเวลาที่คุณต้องการใช้ในการคำนวณ ROC.
    • “Level”: คุณสามารถกำหนดระดับ Overbought และ Oversold ตามความต้องการของคุณ (ไม่บังคับ).
    • “Color”: คุณสามารถกำหนดสีของกราฟ ROC ตามความชอบของคุณ จากนั้นกด “OK” เมื่อคุณตั้งค่าตัวชี้วัด ROC ตามที่ต้องการ.
  5. ดูกราฟ Rate of Change: หลังจากตั้งค่า ROC แล้ว, กราฟ ROC จะปรากฏบนกราฟราคาของสัญญาซื้อขายในแผงกราฟ. คุณสามารถใช้ ROC เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของราคาและความแรงของตลาด.
  6. การอ่าน ROC: ค่า ROC ที่มากกว่าศูนย์บอกถึงแนวโน้มขาขึ้น, ส่วนค่า ROC ที่น้อยกว่าศูนย์บอกถึงแนวโน้มขาลง. ค่า Overbought และ Oversold ที่คุณตั้งค่าจะช่วยในการตรวจสอบจุดกลับตัวในระยะสั้น.
  7. การใช้งาน ROC ในการตัดสินใจการซื้อขาย: ROC สามารถใช้ในกลยุทธ์การซื้อขายเพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขายสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม, ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์เทคนิคอื่น ๆ และการตรวจสอบข้อมูลเศรษฐกิจและข่าวสารเพื่อทำการตัดสินใจที่มีเหตุผล.