Moving Average คืออะไร ความเป็นมา มีกี่แบบ สูตการวิเคราะห์ MA เท่าไหร่ดี

Moving Average คืออะไร ความเป็นมา Moving Average มีกี่แบบ สูตการวิเคราะห์ MA เท่าไหร่ดี
Moving Average คืออะไร ความเป็นมา Moving Average มีกี่แบบ สูตการวิเคราะห์ MA เท่าไหร่ดี

Moving Average คืออะไร

MA หรือ Moving Average เป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นเครื่องมือทางสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลตัวเลขหรือข้อมูลตัวเลขแบบชุด โดย MA คือค่าเฉลี่ยของข้อมูลในช่วงเวลาหรือช่วงระยะเวลาที่กำหนดมา. มันช่วยในการสร้างภาพรวมเกี่ยวกับแนวโน้มและการเคลื่อนไหวของข้อมูลในช่วงเวลานั้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความสับสนในข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ หรือมีรายละเอียดมาก.วิธีการคำนวณ MA ง่ายที่สุดคือ Simple Moving Average (SMA) ซึ่งเราคำนวณโดยการรวมข้อมูลในช่วงเวลาที่กำหนดและนำมาหารด้วยจำนวนข้อมูลในช่วงเวลานั้น ยกตัวอย่างเช่น การคำนวณ SMA 10 วันของราคาหุ้นคือการรวมราคาปิดของหุ้นในช่วง 10 วันล่าสุดและหารด้วย 10.

MA สามารถมีระยะเวลาในการคำนวณที่แตกต่างกันได้ตามความต้องการ ระยะเวลานี้อาจเป็นวันทำการ, ชั่วโมง, นาที, หรือระยะเวลาอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อมูลและวัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์ที่ท่านต้องการดู.MA มักถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์และการคาดการณ์ในหลายแวดวง เช่น การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น, การวิเคราะห์ภาวะอากาศ, การวิเคราะห์ข้อมูลการเงิน, และอื่น ๆ โดยทั่วไปแล้ว MA ช่วยในการลดเสียงรบกวนและช่วยให้เราเห็นแนวโน้มหรือแนวโน้มรวมของข้อมูลได้ง่ายขึ้น.

ความเป็นมาของ Moving Average

Moving Average (MA) เป็นเครื่องมือทางสถิติที่ถูกพัฒนาขึ้นในตำแหน่งที่มากมาย และไม่สามารถเรียกชื่อคนสร้างเพียงคนเดียวได้ เนื่องจากเป็นผลสังสรรค์ของงานวิจัยทางสถิติและการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 ซึ่งมีผู้ร่วมสร้างและพัฒนาอย่างมากในช่วงเวลานี้ นี่คือบางคนที่มีส่วนร่วมสำคัญในการพัฒนา MA:

  1. Adrien-Marie Legendre (1752-1833): นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสที่เป็นหนึ่งในผู้แรกที่นำพิพิธภัณฑ์ไปใช้ในการคำนวณ MA ในงานทางวิทยาการ.
  2. Francis Galton (1822-1911): นักสถิติศาสตร์ชาวอังกฤษและนักจิตวิทยาชื่อดังที่เป็นผู้ร่วมกับในการพัฒนาการใช้ MA ในงานวิจัยด้านสถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล.
  3. George Udny Yule (1871-1951): นักสถิติศาสตร์ชาวอังกฤษที่มีส่วนร่วมในการพัฒนา MA ในรูปแบบของ “moving averages” และนำมาใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มในงานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์และสังคม.
  4. N.N. Vorob’ev: นักสถิติศาสตร์ชาวรัสเซียที่เป็นผู้นำในการพัฒนา MA แบบ Exponential Moving Average (EMA) ในงานวิจัยทางสถิติในตอนต้นของศตวรรษที่ 20.
  5. George W. Brown: นักวิจัยทางสถิติชาวอเมริกันที่มีส่วนร่วมในการพัฒนา MA ในงานวิจัยการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในฐานะนักวิจัยหุ้นในตำแหน่งหนึ่งใน Wall Street ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20.

จึงสรุปได้ว่า MA เป็นเครื่องมือทางสถิติที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาและการวิจัยของหลายนักวิทยาศาสตร์และนักสถิติในระหว่างปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งได้สร้างเครื่องมือที่มีความคุ้นเคยและมีประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์และการทำนายข้อมูลในหลายงานและสายงานต่าง ๆ ในสถานการณ์ทางการวิเคราะห์และการลงทุน.ฃ

Moving Average มีกี่แบบ

MA สามารถนำมาใช้ในการตรวจสอบแนวโน้มของข้อมูล สร้างสัญญาณการเทรด หรือวิเคราะห์แนวโน้มของราคาหุ้นและสินทรัพย์ทางการเงินต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการและวัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์และการลงทุนของคุณ โดย Moving Average (MA) มีรูปแบบหลายแบบที่สามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยรูปแบบที่สำคัญที่สามารถพบได้ในการใช้งาน MA ได้แก่

  1. Simple Moving Average (SMA):
    • คำอธิบาย: Simple Moving Average (SMA) คือการหาค่าเฉลี่ยของข้อมูลในช่วงเวลาที่กำหนด โดยการนำผลรวมของข้อมูลในช่วงนั้นแล้วหารด้วยจำนวนข้อมูลในช่วงนั้น.
    • การใช้งาน: สามารถใช้ SMA เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของข้อมูล โดยทั่วไปจะใช้ในการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ทางการเงิน. เมื่อ SMA ยาวเท่ากับ SMA สั้น และ SMA สั้นตัดข้าม SMA ยาว จะสร้างสัญญาณ “Golden Cross” หรือ “Death Cross” ซึ่งสามารถใช้ในการตัดสินใจเทรด.
  2. Exponential Moving Average (EMA):
    • คำอธิบาย: Exponential Moving Average (EMA) เหมือนกับ SMA แต่มีการให้น้ำหนักมากกับข้อมูลล่าสุด ทำให้มีการตอบสนองที่ดีกว่าต่อแนวโน้มล่าสุดและมีความไวกว่าในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของข้อมูล.
    • การใช้งาน: EMA มักถูกนำมาใช้ในการสร้างสัญญาณเทรดและการวิเคราะห์ทางเทคนิค สามารถใช้ในการตรวจสอบการเข้าและออกจากตลาด, และสร้างสัญญาณ “Golden Cross” และ “Death Cross” เช่นกัน.
  3. Weighted Moving Average (WMA):
    • คำอธิบาย: Weighted Moving Average (WMA) คือการหาค่าเฉลี่ยโดยให้น้ำหนักต่าง ๆ กับข้อมูลในช่วงเวลา แต่ละข้อมูลในช่วงเวลาจะมีน้ำหนักแตกต่างกัน.
    • การใช้งาน: WMA ใช้ในบางกรณีเมื่อต้องการให้ความสำคัญต่าง ๆ ในช่วงเวลานั้นมีการแจกแจงต่างกัน เช่น หากต้องการให้ความสำคัญมากกับข้อมูลล่าสุดในการวิเคราะห์.
  4. Smoothed Moving Average (SMMA):
    • คำอธิบาย: Smoothed Moving Average (SMMA) คือการใช้หลักการคำนวณน้ำหนักของราคาในช่วงเวลา โดยให้ความสำคัญมากกับราคาในช่วงกลางของช่วงเวลานั้น.
    • การใช้งาน: SMMA ใช้ในการลดสัญญาณรบกวนและสร้างความเรียบขาดในการวิเคราะห์แนวโน้มของข้อมูล.

สูตรการคำนวณ Moving Average

รูปแบบสูตรสำหรับการคำนวณ Moving Average (MA) ขึ้นอยู่กับประเภทของ MA โดยมีสูตรสำหรับ Simple Moving Average (SMA) และ Exponential Moving Average (EMA) ดังนี้:

Simple Moving Average (SMA): SMA คำนวณค่าเฉลี่ยโดยการรวมราคาของช่วงเวลาที่กำหนดแล้วหารด้วยจำนวนข้อมูลในช่วงเวลานั้น สูตรสำหรับ SMA คือ:

SMA = (P1 + P2 + P3 + … + Pn) / n

  • SMA คือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ที่คุณต้องการคำนวณ
  • P1, P2, P3, …, Pn คือราคาของข้อมูลในช่วงเวลาที่กำหนด (เช่น ราคาปิดทุกวัน)
  • n คือจำนวนข้อมูลในช่วงเวลาที่กำหนด

Exponential Moving Average (EMA): EMA คำนวณค่าเฉลี่ยโดยให้น้ำหนักมากกับข้อมูลล่าสุด สูตรสำหรับ EMA คือ:

EMA = (P – EMA(previous)) * multiplier + EMA(previous)

  • EMA คือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ที่คุณต้องการคำนวณ
  • P คือราคาของข้อมูลในช่วงเวลาปัจจุบัน
  • EMA(previous) คือค่า EMA ของช่วงเวลาก่อนหน้า
  • multiplier คือตัวคูณที่ใช้ในการกำหนดน้ำหนักสำหรับข้อมูลล่าสุด (อย่างมากใช้สำหรับ EMA)

โดยทั่วไปแล้ว multiplier จะคำนวณโดยใช้สูตร: multiplier = (2 / (n + 1))

โดย n คือจำนวนวันหรือช่วงเวลาที่กำหนดในการคำนวณ EMA โดยทั่วไปแล้วในหลายๆ กรณี ค่าเริ่มต้นของ EMA(previous) จะถูกตั้งเป็นค่าของ SMA ในช่วงเวลาแรกสุดที่กำหนดไว้.

การวิเคราะห์ Moving Average

การวิเคราะห์ Moving Average (MA) เป็นกระบวนการทางสถิติและการวิเคราะห์ข้อมูลที่นิยมใช้ในการตรวจสอบแนวโน้มของข้อมูลตัวเลขตลอดเวลา การวิเคราะห์ MA มักถูกนำมาใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น, การทำนายยอดขายในธุรกิจ, การคาดการณ์การใช้จ่ายในธุรกิจ, และในหลายสถานการณ์ทางการเงินและการลงทุนอื่น ๆ ด้วยวิธีการต่าง ๆ การวิเคราะห์ MA ประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้:

  1. คำนวณ Moving Average: ขั้นตอนแรกในการวิเคราะห์ MA คือการคำนวณ MA โดยใช้ข้อมูลประวัติที่มีอยู่ ประเภทของ MA (เช่น SMA, EMA, WMA) จะกำหนดวิธีการคำนวณค่า MA โดยใช้ข้อมูลในช่วงเวลาหรือช่วงระยะเวลาที่กำหนด.
  2. การสร้างกราฟ: หลังจากคำนวณ MA แล้ว จะสร้างกราฟที่แสดง MA พร้อมกับข้อมูลต้นฉบับ (เช่น ราคาหุ้น) บนกราฟเดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตแนวโน้มของ MA และข้อมูลต้นฉบับในระยะเวลาเดียวกัน.
  3. การวิเคราะห์แนวโน้ม: การวิเคราะห์ MA หลักๆ เน้นการสังเกตแนวโน้มของ MA และข้อมูลต้นฉบับ ดังนี้:
    • ถ้า MA ของข้อมูลต้นฉบับเริ่มเพิ่มขึ้นในระยะเวลาที่สัมพันธ์กับข้อมูลหนึ่งต่อหนึ่ง (เช่น 50 วัน MA บนกราฟราคาหุ้น) และข้อมูลต้นฉบับยังคงขึ้นเรื่อย ๆ นั้นอาจแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นของตลาด.
    • ถ้า MA ของข้อมูลต้นฉบับลดลงในระยะเวลาที่สัมพันธ์กับข้อมูลหนึ่งต่อหนึ่ง และข้อมูลต้นฉบับยังคงลดลงเรื่อย ๆ นั้นอาจแสดงถึงแนวโน้มขาลงของตลาด.
    • การดูสองเส้น MA ที่มีระยะเวลาต่าง ๆ (เช่น MA 50 วันและ MA 200 วัน) สามารถใช้ในการระบุสัญญาณ “Golden Cross” และ “Death Cross” ซึ่งเป็นสัญญาณที่นิยมใช้ในการตัดสินใจในการลงทุน.
  4. การใช้ MA ในการตัดสินใจ: MA สามารถใช้ในการตัดสินใจการลงทุนหรือการซื้อขาย หาก MA ของข้อมูลต้นฉบับตัดกับ MA อื่น ๆ หรือข้อมูลต้นฉบับ อาจเป็นสัญญาณสำหรับการดำเนินการ นักลงทุนสามารถใช้การตัดสินใจเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนของพวกเขา.
  5. การวิเคราะห์ค่าเสี่ยง: นอกจากนี้ MA ยังสามารถใช้ในการวิเคราะห์ค่าเสี่ยงโดยการตรวจสอบความแปรปรวนของข้อมูลต้นฉบับในระยะเวลาที่กำหนด การวิเคราะห์ค่าเสี่ยงช่วยให้นักลงทุนหรือผู้บริหารสามารถวางแผนการบริหารความเสี่ยงและการจัดการกับพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

Moving Average เท่าไหร่ดี

การเลือกใช้ค่า Moving Average (MA) ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์และการลงทุนของคุณ ไม่มีค่า MA ที่สามารถกล่าวได้ว่า “ดี” หรือ “ไม่ดี” อย่างเดียว เนื่องจากความเหมาะสมของค่า MA จะขึ้นอยู่กับรายละเอียดของการวิเคราะห์และลักษณะของข้อมูลทางการเงินหรือการลงทุนที่คุณกำลังจะวิเคราะห์ นี่คือบางปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกค่า MA:

  1. ระยะเวลาของ MA (Moving Average)ระยะเวลาของ MA หมายถึงจำนวนหน่วยข้อมูลที่คำนวณในช่วงเวลานั้น เช่น 10, 20, 50, 100, 200 วัน ซึ่งมีความหมายทางการเงินและการลงทุนมากมาย.
    • ระยะเวลาสั้น: MA สั้นมักควรมีระยะเวลาใกล้เคียงกับข้อมูลปัจจุบัน เช่น MA 10 วัน เพื่อให้แสดงแนวโน้มราคาล่าสุด.
    • ระยะเวลายาว: MA ยาวมักใช้เพื่อตรวจสอบแนวโน้มราคาในระยะยาว ซึ่งอาจจะแสดงราคาเฉลี่ยของระยะเวลานาน ๆ ยกตัวอย่างเช่น MA 200 วัน.
  2. ประเภทของ MA (Moving Average)
    • Simple Moving Average (SMA): คำนวณค่าเฉลี่ยโดยการหาราคารวมในช่วงเวลาด้วยจำนวนวันในช่วงเวลานั้น แต่ละวันมีน้ำหนักเท่ากัน.
    • Exponential Moving Average (EMA): ให้น้ำหนักมากกับข้อมูลล่าสุด ทำให้มีการตอบสนองเร็วกว่าต่อการเปลี่ยนแปลงข้อมูล.
    • Weighted Moving Average (WMA): ให้น้ำหนักต่าง ๆ กับข้อมูลในช่วงเวลา น้ำหนักสูงสุดในข้อมูลล่าสุด.
  3. การใช้งาน MA
    • คาดการณ์แนวโน้ม: MA สามารถใช้ในการตรวจสอบแนวโน้มของราคาหรือข้อมูลในระยะเวลาที่กำหนด เช่น MA 50 วันถ้าเส้น MA เริ่มเพิ่มขึ้นอาจแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นของราคา.
    • การตัดสินใจการซื้อขาย: นักลงทุนสามารถใช้สัญญาณการตัดกันระหว่าง MA สองเส้นหรือระหว่าง MA และราคาเปิดในการตัดสินใจการซื้อขาย ตัวอย่างเช่น “Golden Cross” และ “Death Cross” ที่เกิดเมื่อ MA สองเส้นตัดกัน.
    • การจัดการความเสี่ยง: การวิเคราะห์ค่า MA สามารถช่วยในการจัดการความเสี่ยงโดยการตรวจสอบความแปรปรวนของข้อมูลในระยะเวลาที่กำหนด.