Commodities หรือ โภคภัณฑ์ คืออะไร หมายถึงอะไรบ้าง เทรดได้ที่ไหน CFD โภคภัณฑ์

Commodities หรือ โภคภัณฑ์ คืออะไร

“Commodities” หรือ “โภคภัณฑ์” คือสินค้าหรือวัสดุที่สามารถซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนได้ และมักจะถูกจัดเป็นหมวดหมู่ตามคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกัน โภคภัณฑ์ประเภทนี้มักจะมีคุณสมบัติที่ค่อนข้างเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทางเกษตร (เช่น ข้าว ถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม) ธรณีภัณฑ์ (เช่น ทอง แร่เหล็ก น้ำมันดิบ) หรือสินค้าอุตสาหกรรม (เช่น ยาง พลาสติก)
Commodities หรือ โภคภัณฑ์ คืออะไร
Commodities หรือ โภคภัณฑ์ คืออะไร
ในตลาดหลักทรัพย์ โภคภัณฑ์จัดเป็นหมวดหมู่ของสินทรัพย์ที่สามารถซื้อขายผ่านทางสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contracts) หรือผ่านตลาดสินค้าอื่น ๆ สินค้าประเภทนี้มักจะถูกคาดการณ์ราคาจากปัจจัยพื้นฐานเช่น อุปสงค์และอุปทาน รวมถึงสภาพอากาศ การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ และอื่น ๆ อีกมากมาย การลงทุนในโภคภัณฑ์มีความเสี่ยงและความซับซ้อน การสังเกตการณ์และการวิเคราะห์ในหลาย ๆ ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาเป็นสิ่งสำคัญในการทำการลงทุนที่ประสบความสำเร็จในตลาดโภคภัณฑ์

ลักษณะของ Commodities หรือ โภคภัณฑ์

  1. มาตรฐาน (Standardization): โภคภัณฑ์สามารถแลกเปลี่ยนกับสินค้าประเภทเดียวกันได้
  2. ความทนทาน (Durability): สามารถเก็บรักษาไว้ในระยะเวลาหนึ่งโดยไม่เสื่อมสภาพ
  3. อิทธิพลของอุปทานและความต้องการ (Influence of Supply and Demand): ราคามักจะได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์ทางภูมิศาสตร์ สภาพอากาศ และอารมณ์ของตลาด

Commodities หรือ โภคภัณฑ์ มีประเภทอะไรบ้าง

โภคภัณฑ์พลังงาน (Energy Commodities)

    1. น้ำมันดิบ (Crude Oil): สกัดจากพื้นโลกและสามารถกลั่นเป็นผลิตภัณฑ์เช่น ก๊าซโซลีนและดีเซล
    2. ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas): ใช้สำหรับการทำความร้อน การผลิตไฟฟ้า และกระบวนการอุตสาหกรรม
    3. ถ่านหิน (Coal): ใช้สำหรับการผลิตไฟฟ้าและการผลิตเหล็ก

โภคภัณฑ์โลหะ (Metal Commodities)

    1. ทอง (Gold): ใช้ในการทำเครื่องประดับ การป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน และในการผลิตอุตสาหกรรมเช่น อิเล็กทรอนิกส์
    2. เงิน (Silver): ใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ และเครื่องประดับ
    3. ทองแดง (Copper): มีความสำคัญในการก่อสร้างและการใช้ทางไฟฟ้า
    4. แพลทินัม (Platinum): ใช้ในการผลิตรถยนต์ เครื่องประดับ และในการผลิตอุตสาหกรรม

โภคภัณฑ์ทางการเกษตร (Agricultural Commodities)

    1. ข้าวสาลี (Wheat): เป็นอาหารหลักที่ใช้ในผลิตภัณฑ์หลายอย่าง ตั้งแต่ขนมปังถึงอาหารสัตว์
    2. ข้าวโพด (Corn): ใช้เป็นอาหาร การผลิตเอทานอล และอาหารสัตว์
    3. ถั่วเหลือง (Soybeans): ใช้เป็นอาหารสัตว์ ไบโอฟูล และน้ำมันทำอาหาร
    4. กาแฟ (Coffee): เป็นหนึ่งในโภคภัณฑ์ทางการเกษตรที่ถูกค้าประเวณีมากที่สุด ใช้สำหรับทำเครื่องดื่ม
    5. ฝ้าย (Cotton): ใช้ในสิ่งทอและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ

โภคภัณฑ์ปศุสัตว์ (Livestock Commodities)

    1. โค (Live Cattle): โคเนื้อที่ถูกขายให้กับโรงฆ่าสัตว์
    2. เนื้อหมูในส่วนของท้อง (Pork Bellies): ใช้ในการทำเบคอนและมีผลต่อราคาของผลิตภัณฑ์หมู
    3. ไก่ (Chicken): ใช้ในรูปแบบต่าง ๆ สำหรับอาหาร

โภคภัณฑ์อ่อน (Soft Commodities)

    1. น้ำตาล (Sugar): ใช้เป็นสารทำหวานในอาหารและเครื่องดื่ม
    2. โกโก้ (Cocoa): เป็นขั้นตอนพื้นฐานในการผลิตช็อกโกแลต
    3. น้ำส้ม (Orange Juice): ใช้เป็นเครื่องดื่ม

โภคภัณฑ์ทางการเงิน (Financial Commodities)

    1. สกุลเงิน (Currency): เช่น ดอลลาร์สหรัฐหรือยูโร ซึ่งถูกค้าประเวณีในตลาดฟอเร็กซ์
    2. อัตราดอกเบี้ย (Interest Rates): เครื่องมือตลาดเงิน พันธบัตร หรือฟิวเจอร์สอัตราดอกเบี้ย
    3. ดัชนีหุ้น (Stock Indices): เช่น S&P 500 ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มหุ้น

โภคภัณฑ์อื่น ๆ (Other Commodities)

    1. น้ำมันปลา (Fish Oil): ใช้สำหรับเสริมสารอาหาร และในอุตสาหกรรมยา มีประโยชน์สำหรับสุขภาพ โดยเฉพาะในเรื่องของโอเมก้า-3
    2. แร่โลหะหายาก (Rare Earth Metals): ใช้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสูง เช่น ในการผลิตแบตเตอรี่ จอแสดงผล และแม่เหล็กแรงสูง มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ

การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์

    • สินค้าโภคภัณฑ์สามารถซื้อขายได้ในตลาดทางกายภาพ (“spot markets”) ซึ่งมีการซื้อและขายสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อการจัดส่งทันที อีกทางหนึ่งสามารถซื้อขายผ่านตลาดอนุพันธ์โดยใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งเป็นข้อตกลงในการซื้อหรือขายสินค้าโภคภัณฑ์ในจำนวนที่กำหนดในราคาที่กำหนดในวันที่กำหนดในอนาคต

เทรดได้ที่ไหน CFD โภคภัณฑ์

การเทรด CFD สินค้าหรือโภคภัณฑ์ (“Contract for Difference” หรือ “สัญญาเพื่อต่างราคา” ) สามารถทำได้ผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์หลายแห่งที่มีบริการนี้ และต่อไปนี้คือบางประเด็นที่คุณควรพิจารณาเมื่อเลือกแพลตฟอร์ม

ประเด็นที่ควรพิจารณา

    1. การกำกับดูแล: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์ถูกกำกับดูแลโดยหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น FCA ในสหราชอาณาจักร, SEC ในสหรัฐ, หรือ ASIC ในออสเตรเลีย
    2. สเปรดและค่าธรรมเนียม: โบรกเกอร์ต่าง ๆ ให้สเปรดและค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน สเปรดที่ต่ำโดยทั่วไปจะดีกว่า แต่ยังควรพิจารณาค่าธรรมเนียมอื่น ๆ  เช่น ค่าครอบครองค้างคืน
    3. สินค้าที่มีจำหน่าย: ไม่ใช่ทุกโบรกเกอร์ที่จะมีชุดสินค้าหรือโภคภัณฑ์เหมือนกัน หากคุณมีโภคภัณฑ์เฉพาะที่ต้องการ เลือกโบรกเกอร์ที่มีของที่คุณต้องการ
    4. แพลตฟอร์มการเทรด: ประเมินแพลตฟอร์มการเทรดเกี่ยวกับความง่ายในการใช้งาน ฟังก์ชัน และคุณสมบัติ เช่น เครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน
    5. ประเภทบัญชี: บางโบรกเกอร์มีประเภทบัญชีที่หลากหลาย ทั้งที่มีอัตราจัดสินไหมที่สูง ตัวเลือกการจัดการความเสี่ยง และบริการลูกค้าระดับมืออาชีพ เลือกตามที่เหมาะกับคุณ
    6. อัตราจัดสินไหม: ตรวจสอบตัวเลือกอัตราจัดสินไหมที่ใช้ได้สำหรับ CFD สินค้า อัตราจัดสินไหมสามารถขยายกำไรหรือขาดทุนของคุณ
    7. การบริการลูกค้า: ทดลองติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาตอบสนองและรู้ลึก
    8. เนื้อหาวิจัยและการศึกษา: มีโบรกเกอร์หลายแห่งที่ให้ข้อมูลทางการศึกษาและวิจัยตลาด สิ่งเหล่านี้สามารถเป็นข้อได้เปรียบที่มีค่าสำหรับผู้เทรดทั้งมือใหม่และมืออาชีพ
    9. ตัวเลือกการฝากและถอนเงิน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์มีตัวเลือกการฝากและถอนเงินที่เหมาะสมกับคุณ และตรวจสอบค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี)
    10. รีวิวผู้ใช้: พิจารณารีวิวจากผู้ใช้และความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีอยู่ในฟอรัมการเทรด ไซต์ และนิตยสาร แต่ให้ระวังเรื่องแหล่งที่มาของรีวิว

โบรกเกอร์ที่นิยมสำหรับ Commodity CFDs

    1. MetaTrader Platforms: พวกเขาไม่ใช่โบรกเกอร์ แต่มีโบรกเกอร์จำนวนมากที่ให้บริการเทรด CFD สินค้าผ่าน MetaTrader 4 หรือ 5
    2. Interactive Brokers: รู้จักเป็นโบรกเกอร์ที่มีการเสนอขายสินทรัพย์หลายประเภท ซึ่งรวมถึงสินค้าหลายประเภท
    3. eToro: นิยมเนื่องจากมีแพลตฟอร์มการเทรดแบบสังคม และมี CFD สินค้าหลายประเภทให้เลือก
    4. IG Group: ให้บริการเทรดในสินทรัพย์หลายประเภท รวมถึงสินค้า และมีแพลตฟอร์มการเทรดที่ใช้งานง่าย
    5. Plus500: รู้จักเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ใช้งานง่ายและมี CFD สินค้าหลายประเภท
    6. Saxo Bank: ให้บริการ CFD สินค้าหลายประเภทและมีชื่อเสียงที่แข็งแกร่ง
    7. CMC Markets: ให้บริการ CFD สินค้าในระดับที่กว้างขวางและมีแพลตฟอร์มการเทรดที่สามารถปรับแต่งได้

ข้อควรระวัง

    • โปรดทราบว่าการเทรด CFD มีความเสี่ยงสูง รวมถึงความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินลงทุนเริ่มต้นของคุณหมด เสมอดำเนินการตรวจสอบข้อมูลละเอียดและพิจารณาให้คำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก่อนที่จะเข้าร่วมในกิจกรรมการเทรด