Candlestick Chart คืออะไร กราฟแท่งเทียน คืออะไร ข้อมูลพื้นฐานความเป็นมา การวิเคราะห์

Candlestick Chart คืออะไร กราฟแท่งเทียน คืออะไร ข้อมูลพื้นฐานความเป็นมา
Candlestick Chart คืออะไร กราฟแท่งเทียน คืออะไร ข้อมูลพื้นฐานความเป็นมา

Candlestick Chart คืออะไร

กราฟแท่งเทียน Candlestick Chart หรือแผนภูมิแท่งเทียนคือกราฟที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและใช้ในการแสดงข้อมูลราคาของหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ทางการเงิน ซึ่งประกอบด้วยแท่งเทียนหลาย ๆ แท่งที่แสดงข้อมูลราคาในระหว่างช่วงเวลาที่กำหนด แต่ละแท่งมีส่วนหัวและส่วนหางที่แสดงข้อมูลราคาเปิดและราคาปิดในช่วงเวลานั้น ๆ และยังแสดงราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดในช่วงนั้นด้วย

รูปแบบกราฟแท่งเทียน (Candlestick Patterns) เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ใช้ในการวิเคราะห์เครื่องมือทางเทคนิค และใช้ในการอธิบายการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด Forex แต่ละแท่งเทียนประกอบด้วยราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และตัวเทียน (Real Body) โดยสามารถกำหนดระยะเวลาที่ต้องการดูได้ตาม Time Frame (TF) เช่น 1 นาที, 5 นาที, 1 วัน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางเทคนิคได้ข้อมูลที่สมบูรณ์เพื่อการตัดสินใจในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินในช่วงเวลานั้น ๆ

ความเป็นมา Candlestick Chart

ประวัติตความเป็นมาของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นระบบการแสดงข้อมูลราคาที่มีประวัติยาวนานเป็นเวลากว่า 200 ปี เริ่มต้นด้วย Honma Munehisa หรือชื่อที่อีกคนเรียกว่า Sokyu Homma ซึ่งเป็นนักธุรกิจญี่ปุ่นที่มีความร่ำรวยและมีฐานะสูง ในครอบครัวของเขามีการค้าข้าวและการขายข้าว แต่เขาไม่เพียงแค่ดูแลกิจการตราหรือความเคลื่อนไหวของข้าวเท่านั้น เขายังสนใจในการสำรวจและศึกษาพฤติกรรมของราคาข้าวและผู้ค้าข้าวในตลาด

Homma Munehisa เริ่มต้นการวิจัยและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาข้าว และในฐานะนักธุรกิจที่มีความชาญฉลาด เขาสร้างเทคนิคที่พิเศษขึ้นมา โดยใช้จิตวิทยาของคนในตลาดเป็นพื้นฐาน โดยเขาได้คิดค้นเทคนิคการวิเคราะห์และการทำนายราคาของข้าว นำไปสู่การจับตามติดตลาดข้าวเป็นปีเป็นสิบปี และในที่สุดเขาได้รวบรวมความรู้และประสบการณ์ของเขาลงในหนังสือ 2 เล่ม คือ “SAKATA HENSO” และ “SOBA SAIN NO DEN” ซึ่งกลายเป็นแหล่งศึกษาสำคัญในการวิเคราะห์ราคาและตลาดทางการเงิน หลังจากนั้น แนวคิดและเทคนิคการใช้กราฟแท่งเทียนของ Homma Munehisa ถูกนำไปใช้ในตลาดในตะวันตก และได้ผลดีอย่างมาก กราฟแท่งเทียนกลายเป็นเครื่องมือที่นิยมมากในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการตัดสินใจในการซื้อขายในตลาดการเงิน

ส่วนประกอบของ Candlestick Chart

  1. ราคาเปิด (Open Price): ราคาเปิดคือราคาที่สินทรัพย์หรือสินค้าเริ่มต้นการซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการวาดแท่งเทียน ถ้าราคาเปิดสูงกว่าราคาปิด แท่งเทียนจะมีส่วนเทียนสีแดง (Bearish) และถ้าราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิด แท่งเทียนจะมีส่วนเทียนสีเขียว (Bullish) สร้างสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหวราคาขึ้นหรือลง
  2. ราคาปิด (Close Price): ราคาปิดคือราคาที่สินทรัพย์หรือสินค้าปิดการซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด เป็นจุดสิ้นสุดสำหรับการวาดแท่งเทียน ราคาปิดมีส่วนสำคัญในการแสดงทิศทางของการเคลื่อนไหวของราคา แท่งเทียนกำหนดว่าราคาปิดสูงหรือต่ำกว่าราคาเปิด
  3. ราคาสูงสุด (High Price): ราคาสูงสุดแสดงถึงราคาที่สินทรัพย์หรือสินค้าขึ้นไปสูงที่สุดในช่วงเวลาที่แท่งเทียนแสดง แท่งเทียนมีเส้นแนวตั้งทางบนสุดเป็นส่วนของราคาสูงสุด
  4. ราคาต่ำสุด (Low Price): ราคาต่ำสุดแสดงถึงราคาที่สินทรัพย์หรือสินค้าลงล่าสุดในช่วงเวลาที่แท่งเทียนแสดง แท่งเทียนมีเส้นแนวตั้งทางล่างสุดเป็นส่วนของราคาต่ำสุด
  5. ตัวเทียน (Real Body): ตัวเทียนคือส่วนสีของแท่งเทียนที่แสดงช่วงระยะระหว่างราคาเปิดและราคาปิดในช่วงเวลาที่แท่งเทียนแสดง ถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด ตัวเทียนจะเป็นสีเขียว (Bullish) และถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด ตัวเทียนจะเป็นสีแดง (Bearish) ความกว้างของตัวเทียนแสดงระดับความแปรปรวนในราคาในช่วงเวลานั้น
  6. เส้นแนวนอน (Wick หรือ Shadow): เส้นแนวนอนคือเส้นที่ยืดออกจากบนและล่างของตัวเทียน ส่วนเส้นที่ยืดขึ้นไปเหนือตัวเทียนเรียกว่า “Shadow บน” หรือ “Upper Wick” และเส้นที่ยืดลงข้างล่างตัวเทียนเรียกว่า “Shadow ล่าง” หรือ “Lower Wick” เส้นแนวนอนบนแสดงราคาสูงสุดในช่วงเวลา และเส้นแนวนอนล่างแสดงราคาต่ำสุดในช่วงเวลา

ความยาวของ Candlestick Chart

ความยาวของเนื้อเทียนในกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) เป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจการซื้อขายในตลาดการเงิน ความยาวของเนื้อเทียนสามารถสื่อถึงแรงซื้อหรือแรงขายในตลาดในระยะเวลาที่กำหนดดังนี้:

  1. เนื้อเทียนยาว (Long Body): แท่งเทียนที่มีเนื้อเทียนยาวมาก ๆ หมายถึงมีความแตกต่างมากระหว่างราคาเปิดและราคาปิดในช่วงเวลานั้น แท่งเทียนที่ยาวมักแสดงถึงแรงขายหรือแรงซื้อที่มีความแข็งแรงมาก ในกรณีแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish), แท่งเทียนยาวสามารถแสดงถึงการซื้อแน่นอน และในกรณีแท่งเทียนขาลง (Bearish), แท่งเทียนยาวสามารถแสดงถึงการขายแน่นอน นักลงทุนมักใช้แท่งเทียนยาวในการตรวจสอบแรงขายหรือแรงซื้อในตลาด.
  2. เนื้อเทียนสั้น (Short Body): แท่งเทียนที่มีเนื้อเทียนสั้นหมายถึงมีความแตกต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดในช่วงเวลานั้นน้อยมาก แท่งเทียนสั้นมักแสดงถึงความไม่แน่นอนในการซื้อขาย แท่งเทียนสั้นสามารถแสดงถึงการคว่ำลงของความเชื่อทั้งของฝ่ายซื้อและฝ่ายขาย และบางครั้งอาจเป็นสัญญาณของการแกว่งตัวของตลาด.
  3. ไม่มีเนื้อเทียน (Doji): แท่งเทียนที่ไม่มีเนื้อเทียนหมายถึงราคาเปิดและราคาปิดในช่วงเวลานั้นเท่ากันหรือมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย แท่งเทียนแบบนี้อาจแสดงถึงความตั้งตรงระหว่างความแรงขายและความแรงซื้อ และสามารถเป็นสัญญาณของความไม่แน่นอนในตลาด เนื้อเทียนแบบ Doji อาจแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของตลาด.

การวิเคราะห์ Candlestick Chart

การวิเคราะห์ Candlestick Chart เป็นกระบวนการที่นักลงทุนใช้ในการประเมินแนวโน้มของตลาดและตัดสินใจในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ทางการเงิน โดยใช้ข้อมูลจากกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) โดยมีขั้นตอนการวิเคราะห์ดังนี้:

  1. ระบุแนวโน้มทั่วไป: สิ่งแรกที่ควรทำคือการระบุแนวโน้มของตลาดว่าราคามีแนวโน้มขึ้น (Bullish) หรือแนวโน้มลง (Bearish) โดยดูว่าราคามีแท่งเทียนเป็นสีเขียวหรือสีแดงในระยะเวลาล่าสุด.
  2. ตรวจสอบแรงขายและแรงซื้อ: ในแต่ละแท่งเทียน ตรวจสอบว่ามีแรงขายหรือแรงซื้อในตลาดหรือไม่ แท่งเทียนยาวและมีเนื้อเทียนสีเขียวแสดงถึงแรงซื้อแข็งแรง แท่งเทียนยาวและมีเนื้อเทียนสีแดงแสดงถึงแรงขายแข็งแรง แต่แท่งเทียนยาวไม่ควรมีเนื้อเทียนสีน้อยมาก เนื้อเทียนสีเขียวยาวแสดงถึงการซื้อแน่นอน และเนื้อเทียนสีแดงยาวแสดงถึงการขายแน่นอน.
  3. รูปแบบราคาเทียน: สังเกตรูปแบบและรูปร่างของแท่งเทียน เนื้อเทียนยาวและเนื้อเทียนสีเขียวแต่ละบานสามารถแสดงถึงการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งของราคาและแรงซื้อที่มาก เช่น Hammer และ Bullish Engulfing แท่งเทียนสีแดงและเนื้อเทียนยาวสามารถแสดงถึงการขายแรงและการเคลื่อนไหวที่ลดลง เช่น Shooting Star และ Bearish Engulfing.
  4. การระบุสัญญาณ Reversal: สังเกตสัญญาณ Reversal ที่แท่งเทียนอาจแสดงออกมา เช่น Hammer และ Shooting Star สัญญาณเหล่านี้อาจแสดงถึงการเปลี่ยนแนวโน้มของตลาด.
  5. การระบุสัญญาณ Continuation: สังเกตสัญญาณ Continuation ที่แท่งเทียนอาจแสดงออกมา เช่น Bullish Flag และ Bearish Pennant สัญญาณเหล่านี้แสดงถึงการดำเนินการต่อในแนวโน้มปัจจุบัน.
  6. การใช้หลายแท่งเทียนร่วมกัน: การระบุแนวโน้มและสัญญาณการซื้อขายโดยใช้หลายแท่งเทียนร่วมกัน เช่น การสังเกตการแนวโน้มยาวระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงการค้นหาสัญญาณการซื้อขายที่มีความยาวและแน่นอน.
  7. การใช้เส้นทางช่วยแนะนำ: การวาดเส้นแนวโน้มบนกราฟเพื่อช่วยระบุระดับราคาสำคัญ และการตรวจสอบว่าราคาพักอยู่บนเส้นแนวโน้มหรือร่วงลงต่ำกว่าเส้นแนวโน้ม.
  8. การใช้ตัวบ่งชี้เทคนิค: การใช้ตัวบ่งชี้เทคนิคเพื่อเสริมการวิเคราะห์ Candlestick Chart เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), แรงสัมพันธ์ (RSI), และอื่น ๆ.

ประโยชน์ของ Candlestick Chart

Candlestick Chart เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในการวิเคราะห์ตลาดและการตัดสินใจในการซื้อขาย นี่คือบางประโยชน์หลักของ Candlestick Chart:

  1. การระบุแนวโน้มของตลาด: Candlestick Chart ช่วยให้นักเทรดสามารถระบุแนวโน้มของตลาดได้อย่างชัดเจนว่าเป็นแนวโน้มขึ้น (Bullish) หรือแนวโน้มลง (Bearish) ในระยะเวลาที่ต่าง ๆ นี้.
  2. การระบุระดับราคาสนับสนุนและต้าน: นักเทรดสามารถใช้แท่งเทียนบน Candlestick Chart เพื่อระบุระดับราคาที่สำคัญ เช่น ระดับราคาสนับสนุน (Support) และระดับราคาต้าน (Resistance) ซึ่งช่วยในการวางแผนการเทรด.
  3. การระบุสัญญาณการเทรด: แท่งเทียนบน Candlestick Chart สามารถให้สัญญาณการเทรดที่สำคัญ เช่น แท่งเทียนแบบล่วงหน้า (Engulfing Candle) หรือแท่งเทียนแบบ Hammer ซึ่งช่วยในการตัดสินใจในการซื้อหรือขาย.
  4. การจัดการความเสี่ยง: นักเทรดสามารถใช้แท่งเทียนเพื่อจัดการความเสี่ยงในการเทรด โดยการตั้ง Stop Loss และ Take Profit ที่ขึ้นอยู่กับระดับราคาที่แท่งเทียนบ่งชี้ นี้ช่วยลดความเสี่ยงและบรรลุกำไรตามเป้าหมาย.
  5. การเข้าใจแรงขายและแรงซื้อ: การวิเคราะห์แท่งเทียนช่วยในการเข้าใจแรงขายและแรงซื้อในตลาด โดยการดูที่เนื้อเทียนและเส้นบนและเส้นล่างของแท่งเทียน นักเทรดสามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาและการตอบสนองของตลาด.
  6. การวางแผนการเทรด: นักเทรดสามารถใช้แท่งเทียนเพื่อวางแผนการเทรดในระยะเวลาที่ต่าง ๆ โดยการระบุระดับราคาเป้าหมายและระดับราคาสนับสนุนและต้าน.
  7. การใช้ตัวบ่งชี้เทคนิค: บางครั้งนักเทรดใช้ตัวบ่งชี้เทคนิคเพิ่มเติมเช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), แรงสัมพันธ์ (RSI), และอื่น ๆ เพื่อเสริมการวิเคราะห์แท่งเทียน.
  8. การควบคุมความแม่นยำ: Candlestick Chart ช่วยในการควบคุมความแม่นยำของการวิเคราะห์และการตัดสินใจการเทรด ทำให้นักเทรดมีประสิทธิภาพและมั่นใจในการเทรด.