Tradingview คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ขั้นตอนการใช้งานวิเคราะห์และคู่มือเบื้องต้น

Tradingview คืออะไร

แพลตฟอร์มการซื้อขายทางการเงินออนไลน์ที่ให้บริการข้อมูลการลงทุนในรูปแบบกราฟที่คุ้นเคยและมีคุณสมบัติการวิเคราะห์แบบหลากหลาย โดยมีข้อมูลเกี่ยวกับหุ้น พันธบัตรรัฐบาล สกุลเงินต่าง ๆ และคริปโตเคอร์เรนซี อีกทั้งยังมีตัวชี้วัดหรือ Indicator มากมายที่ช่วยในการวิเคราะห์กราฟและการตัดสินใจการซื้อขาย โดย TradingView มีความยืดหยุ่นและใช้งานง่าย คุณสามารถสร้างและปรับแต่งกราฟตามความต้องการของคุณ และมีเครื่องมือในการแสดงข้อมูลที่กว้างขวางเช่น ข้อมูลการซื้อขายและข้อมูลพื้นฐานเพื่อช่วยในการตัดสินใจการลงทุน. นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์การแจ้งเตือนเมื่อราคาหรือเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในตลาด.

การเชื่อมต่อกับโบรกเกอร์ที่รองรับเพื่อซื้อขายแบบสดก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ TradingView มีให้ ทำให้คุณสามารถซื้อขายได้โดยตรงในแพลตฟอร์มเดียวกันที่คุณใช้ในการวิเคราะห์ และยังสามารถสร้าง Indicator เพิ่มเติมของคุณเองโดยใช้ Pine Editor และแชร์มันกับชุมชนของนักลงทุนอื่น ๆ ได้ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองแนวคิดในการลงทุน ทั้งนี้ TradingView ยังมีการเชื่อมต่อกับหลายๆ แพลตฟอร์มการลงทุนอื่น ๆ เช่น Bitkub, Streaming, Investopedia, Investing ซึ่งทำให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ในแหล่งเดียว และในรูปแบบ Realtime ที่ไม่ต่างจากการใช้งานใน TradingView โดยตรงในเว็บไซต์ของแต่ละแพลตฟอร์ม.

TradingView มีประโยชน์อย่างไร

TradingView มีประโยชน์มากมายสำหรับนักลงทุนและนักซื้อขายในการวิเคราะห์และดำเนินการซื้อขายในตลาดทางการเงิน นี่คือบางข้อดีและประโยชน์สำคัญที่ TradingView มีดังนี้

1. การวิเคราะห์กราฟแบบมีคุณภาพ: คุณสามารถสร้างและปรับแต่งกราฟแบบเรียลไทม์ของตลาดที่คุณสนใจ ด้วยการเพิ่มตัวชี้วัดทางเทคนิคและการวางเส้นแนวรับแนวต้าน เพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มและการตัดสินใจการซื้อขาย.
2. ความสะดวกสบายในการใช้งาน: TradingView เป็นแพลตฟอร์มเบสเว็บ ทำให้คุณสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เสริมหรือแพล็ตฟอร์มการซื้อขายแบบดาวน์โหลด.
3. การแจ้งเตือน: คุณสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนที่จะแจ้งเตือนคุณเมื่อราคาถึงระดับที่คุณต้องการ นี่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการติดตามตลาดตลอดเวลา.
4. การสร้างและทดสอบกลยุทธ์การซื้อขาย: คุณสามารถใช้ Pine Script เพื่อสร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่กำหนดเองและทดสอบความเป็นไปได้ของกลยุทธ์ในข้อมูลทางเรียลไทม์ นี่ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบและปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณตามตลาดปัจจุบัน.
5. ความหลากหลายในตลาดที่สนใจ: TradingView รองรับการวิเคราะห์และการซื้อขายในหลายตลาดเช่น หุ้น, สกุลเงิน, สินค้า, cryptocurrencies และตลาดอื่น ๆ ทำให้คุณสามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ตลาดต่าง ๆ ในตลาดที่คุณสนใจได้อย่างง่ายดาย.
6. ประหยัดเวลาและเงิน: การใช้ TradingView ช่วยลดความจำเป็นในการใช้ซอฟต์แวร์และเทรดเดอร์แพลทฟอร์มที่ต้องสมัครสมาชิกและเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งทำให้คุณประหยัดเวลาและเงิน.

ขั้นตอนการใช้งานวิเคราะห์

การใช้ TradingView ในการวิเคราะห์ตลาดและการซื้อขายมีขั้นตอนหลักที่คุณสามารถทำตามได้ดังนี้:

1. เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีใหม่:
   • หากคุณมีบัญชี TradingView อยู่แล้ว ให้เข้าสู่ระบบด้วยข้อมูลการเข้าสู่ระบบของคุณ.
   • หากคุณยังไม่มีบัญชี TradingView ให้สร้างบัญชีใหม่โดยใช้ที่อยู่อีเมลและรหัสผ่าน.
2. เลือกตลาดที่คุณสนใจ:
   • หลังจากเข้าสู่ระบบ TradingView คุณสามารถเลือกตลาดที่คุณสนใจในเมนูด้านบน เช่น หุ้น, สกุลเงิน, cryptocurrencies หรือสินค้า.
3. สร้างกราฟ:
   • เมื่อคุณเลือกตลาดที่คุณสนใจ คุณสามารถสร้างกราฟโดยคลิกที่ชื่อตลาด และเลือกหน้า “กราฟ” ในหน้าต่างใหม่ที่เปิดขึ้น.
4. ปรับแต่งกราฟ:
   • คุณสามารถปรับแต่งกราฟตามต้องการโดยเลือกช่วงเวลา, เพิ่มตัวชี้วัดทางเทคนิค, และวางเส้นแนวรับแนวต้าน.
5. วิเคราะห์ตลาด:
   • ใช้เครื่องมือและความรู้ทางการเงินของคุณในการวิเคราะห์กราฟและตัดสินใจเมื่อนำเสนอโอกาสการซื้อขาย.
6. การสร้างแจ้งเตือน:
   • หากคุณต้องการติดตามราคาหรือสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง คุณสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนเพื่อรับข้อมูลการแจ้งเตือนเมื่อเกณฑ์ที่คุณกำหนดถูกติดตาม.
7. การสร้างและทดสอบกลยุทธ์การซื้อขาย (สำหรับผู้ใช้ระดับสูง):
   • ถ้าคุณสนใจในการสร้างกลยุทธ์การซื้อขายเป็นอัตโนมัติ คุณสามารถใช้ Pine Script เพื่อสร้างและทดสอบกลยุทธ์ของคุณในข้อมูลทางเรียลไทม์.
8. การแบ่งปันและการเข้าร่วมชุมชน:
   • TradingView มีชุมชนใหญ่ของนักลงทุนและนักซื้อขาย คุณสามารถแบ่งปันความคิดเห็นและความรู้กับชุมชน และเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น.
9. การวิเคราะห์ข่าวสาร (ตามความจำเป็น):
   • ตรวจสอบข่าวสารทางเศรษฐกิจและเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อตลาดของคุณผ่านแหล่งข้อมูลข่าวใน TradingView.
10. การซื้อขาย (ตามความจำเป็น):
    • หากคุณตัดสินใจซื้อขาย คุณสามารถทำการซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ที่คุณมีบัญชีหรือผ่านการเชื่อมต่อกับโบรกเกอร์ใน TradingView (ฟังก์ชันนี้ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ที่คุณใช้).

คู่มือเบื้องต้น TradingView

TradingView มีเครื่องมือและคุณสมบัติมากมายที่ช่วยให้นักลงทุนและนักซื้อขายสามารถวิเคราะห์ตลาดและดำเนินการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือบางเครื่องมือและคุณสมบัติที่สำคัญใน TradingView ดังนี้

1. กราฟและข้อมูลราคา:TradingView มีเครื่องมือและคุณสมบัติที่มีความหลากหลายเพื่อให้คุณสามารถวิเคราะห์กราฟและข้อมูลราคาในรูปแบบที่คุณต้องการ นี่คือบางคุณสมบัติที่เกี่ยวข้อง:
   1. เลือกช่วงเวลา (Timeframe): คุณสามารถเลือกช่วงเวลาที่ต้องการในกราฟ เช่น 1 นาที, 5 นาที, 1 ชั่วโมง, 1 วัน, 1 สัปดาห์, หรือช่วงเวลาอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับการวิเคราะห์ของคุณ.
   2. การเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาแบบรวม (Interval Linking): หากคุณเปลี่ยนช่วงเวลาในกราฟหนึ่งในกราฟที่เชื่อมโยงอื่น ๆ ย่อมเปลี่ยนด้วย ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดในรูปแบบที่ต่างกัน.
   3. การแสดงข้อมูลราคาแบบเรียลไทม์ (Real-time Price Data): TradingView แสดงข้อมูลราคาและข้อมูลการซื้อขายแบบเรียลไทม์ ซึ่งอัปเดตอยู่ตลอดเวลาในระหว่างการทำงาน.
   4. การเพิ่มความสมบูรณ์ในกราฟ (Drawing Tools): TradingView มีเครื่องมือวาดเส้นแนวรับแนวต้าน, ระดับ Fibonacci, รูปแบบกราฟ (เช่น รูปแบบเรียงตัวเลข) และอื่น ๆ ที่ช่วยในการวิเคราะห์กราฟ.
   5. การปรับแต่งกราฟ (Chart Customization): คุณสามารถปรับแต่งกราฟตามความต้องการ เช่น การเปลี่ยนสีและหนาของเส้น, การแสดงแท่งเทียนและเส้นขีดขอบ, และการกำหนดรูปแบบสีพื้นหลัง.
2. ตัวชี้วัดทางเทคนิค: ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators) เป็นเครื่องมือที่นักลงทุนและนักซื้อขายใช้ในการวิเคราะห์และประเมินการเคลื่อนไหวของตลาดทางการเงิน โดยใช้ข้อมูลราคาและปริมาณทางการเงิน ซึ่งช่วยในการตัดสินใจในการซื้อขายหรือการลงทุน นี่คือตัวชี้วัดทางเทคนิคที่มักใช้บ่อย TradingView มีหลายตัวชี้วัดทางเทคนิคที่คุณสามารถเพิ่มลงในกราฟ เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และการตัดสินใจการซื้อขาย เช่น
   1. Moving Averages (MA): MA เป็นตัวชี้วัดที่แสดงค่าเฉลี่ยของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น MA 50 แสดงค่าเฉลี่ยราคาในช่วง 50 วัน ตัวชี้วัดนี้ช่วยในการรับข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มราคาและการตรวจสอบสัญญาณการซื้อขายที่เป็นไปได้.
   2. Relative Strength Index (RSI): RSI เป็นตัวชี้วัดที่ช่วยในการวัดความเร็วและความแรงของการเคลื่อนไหวของราคา ตัวชี้วัดนี้สามารถช่วยในการตรวจสอบว่าสินค้าหรือตลาดมีความเป็นกลางหรือเกินขาย/ซื้อขายแล้ว.
   3. Moving Average Convergence Divergence (MACD): MACD เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างสอง MA ที่เคลื่อนที่ในระยะเวลาต่าง ๆ และช่วยในการจับตาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง.
   4. Bollinger Bands: Bollinger Bands เป็นแถบกราฟที่คลุมราคา และมีสามส่วน: แถบกลาง (Middle Band) ที่เป็น MA, แถบบน (Upper Band) และแถบล่าง (Lower Band) ตัวชี้วัดนี้ช่วยในการวิเคราะห์ความแคบหรือแตกต่างของราคา.
   5. Stochastic Oscillator: Stochastic Oscillator เป็นตัวชี้วัดที่ช่วยในการวิเคราะห์ว่าสินค้าหรือตลาดมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงขณะนี้ เทียบกับช่วงราคาก่อนหน้า มันช่วยในการระบุสัญญาณการซื้อขายที่เป็นไปได้.
3. การวิเคราะห์แบบเทคนิคแบบเรียลไทม์:การวิเคราะห์แบบเทคนิคใน TradingView ทำให้คุณสามารถตรวจสอบและทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดในเวลาจริงโดยใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคและการวิเคราะห์กราฟ เพื่อช่วยในการตัดสินใจการซื้อขายหรือการลงทุน ตามด้านล่างนี้คือขั้นตอนการวิเคราะห์แบบเทคนิคแบบเรียลไทม์ใน TradingView:
   1. เลือกตลาดที่สนใจ: ใน TradingView, คุณเริ่มต้นด้วยการเลือกตลาดที่คุณต้องการวิเคราะห์ เช่น หุ้น, สกุลเงิน, หรือ cryptocurrencies.
   2. สร้างกราฟ: คลิกที่ตลาดที่คุณเลือกและเลือกระยะเวลาที่คุณสนใจ เช่น 1 ชั่วโมง, 1 วัน, หรือช่วงเวลาอื่น ๆ ที่เหมาะสม.
   3. เพิ่มตัวชี้วัด: คุณสามารถเพิ่มตัวชี้วัดทางเทคนิคได้โดยคลิกที่ปุ่ม “Indicator” ที่ด้านบนของกราฟและเลือกตัวชี้วัดที่คุณสนใจ เช่น ค่า RSI, MACD, หรือ Moving Averages.
   4. วาดเส้นแนวรับแนวต้าน: ใช้เครื่องมือวาดแบบเส้นตรงหรือรูปร่างเพื่อระบุระดับราคาที่สำคัญ เช่น เส้นแนวรับแนวต้าน, ระดับ Fibonacci, หรือรูปแบบกราฟ.
   5. การตั้งค่าการแจ้งเตือน: หากคุณต้องการรับการแจ้งเตือนเมื่อราคาถึงระดับที่คุณกำหนด คุณสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนได้โดยคลิกที่ราคาที่คุณสนใจและเลือก “Create Alert.”
4. การวิเคราะห์ตลาดแบบ Multi-View:การวิเคราะห์ตลาดแบบMulti-View ใน TradingView เป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้คุณสามารถเปิดและดูหลายกราฟและตลาดพร้อมกันในหน้าต่างเดียว ซึ่งช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบและเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของตลาดที่ต่างกันได้อย่างง่ายดาย นี่คือวิธีการใช้งานการวิเคราะห์ตลาดแบบ Multi-View ใน TradingView:
   1. เปิดหน้าต่าง Multi-View: เพื่อเปิดหน้าต่างมัลติวิวใน TradingView คุณสามารถคลิกที่ไอคอน “มัลติวิว” ที่มุมขวาบนของหน้าต่าง TradingView.
   2. เลือกกราฟและตลาด: หลังจากเปิดหน้าต่างมัลติวิว คุณสามารถเลือกกราฟและตลาดที่ต้องการใส่ในแต่ละตำแหน่งในหน้าต่างมัลติวิว.คุณสามารถคลิกที่ปุ่ม “เพิ่มแกนในแผง” เพื่อเลือกกราฟและตลาดที่คุณต้องการเพิ่ม.
   3. การเรียงลำดับและการปรับขนาด: คุณสามารถลากและวางกราฟในแต่ละตำแหน่งในหน้าต่างมัลติวิวเพื่อเรียงลำดับตามความชอบของคุณและยังสามารถปรับขนาดแต่ละกราฟโดยใช้การลากและปล่อยของมุมล่างของกราฟ.
   4. การเลือกช่วงเวลาและการวิเคราะห์: คุณสามารถเลือกช่วงเวลาที่ต้องการในแต่ละกราฟโดยใช้แถบเลื่อนเวลาที่อยู่ด้านล่างของแต่ละกราฟและการใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคและการวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบแนวโน้มและระดับราคาที่สำคัญของตลาดในแต่ละกราฟ.
   5. การควบคุมแบบ Multi-View: โดยปกติในแต่ละกราฟิกในหน้าต่างส่วนใหญ่จะรับข้อมูลการตรวจสอบเมื่อราคาหรือเงื่อนไขตามปกติเกิดขึ้น
5. การที่: การจัดเก็บข้อมูลใน TradingView เป็นคุณสมบัติและส่วนประกอบต่างๆ ในแพลตฟอร์มจากแพลตฟอร์มที่จำเป็นต้องพิจารณากับที่รองรับใน TradingView ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้:
   1. เข้าสู่ระบบ TradingView: เข้าสู่ระบบบัญชี TradingView ของคุณหรือสร้างบัญชีใหม่คืนนี้บัญชีได้
   2. ส่วนโลหะที่ TradingView ต้องใช้เมนูในเมนู “เครื่องมือ” (เครื่องมือ) ตรวจสอบ “แผงควบคุม” (เจ้าหน้าที่นายหน้า)
   3. รองรับการสนับสนุนของคุณ: TradingView รองรับในแพลตฟอร์มนี้เป็นส่วนประกอบหรือต้องการใช้
   4. คุณ ประธานสามารถเลือกทิศทางที่ต้องการติดตามการสังเกตเห็น “” (สัญลักษณ์) หรือ “เปิดบัญชี” (เปิดบัญชี) และการรับฟังความคิดเห็นของนักลงทุนบัญชีที่มีติดตามคุณเพื่อสิ่งต่างๆ
   5. แหล่งที่มาและเข้าสู่ระบบ: คุณจะต้องใช้ TradingView ให้เข้าถึงข้อมูลได้ตามปกติโดยส่วนใหญ่โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว เช่น แผงควบคุมและระบบควบคุมสามารถทำได้ในการซื้อขายใน TradingView บัญชีบัญชี ตามปกติตามอัตวิสัยของคุณ